7.27.2554

I HeaRT LoNG WeeKeND...PaRT 2


วันนี้ดิฉันเอารูปที่ไปเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่เมื่อช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ก่อนมาให้ดูกันต่อค่ะ

ดิฉันมี guide book ดีๆ สำหรับท่องเที่ยวเมืองเชียงใหม่มาบอกด้วยค่ะ เล่มแรกเป็น "เที่ยว กิน ช็อป เมืองเชียงใหม่" ชุดนายรอบรู้ ชวนเที่ยวเมืองสนุก ของสำนักพิมพ์สารคดี อีกเล่มเป็น "Go Chiang Mai" เล่มเดียวครบ ชม ชิม ช็อป ของแพรวสำนักพิมพ์ค่ะ

guide book ทั้งสองเล่มนี้ดีมากๆ ค่ะ ให้ข้อมูลอย่างละเอียด ครบถ้วน และมีแผนที่ที่ดูแล้วเข้าใจง่าย ไปแล้วไม่หลงค่ะ

~~~~~~~~~~~~~~~~~~~

ช่วงเช้าของวันเสาร์ที่ 16 กรกฎาคม เราเอา guide book มาเปิดดูและวางแผนกันว่าจะไปเที่ยวที่ไหนกันบ้างค่ะ

วันนั้นเราก็ไปตระเวนไหว้พระกันอีกวันหนึ่งค่ะ (ไปเที่ยวเหนือคราวนี้ผิดแผนไปเล็กน้อยค่ะ เพราะอยากไปเที่ยวอ่างขางหรือดอยตุงด้วย แต่ฟ้าฝนไม่เป็นใจเท่าไรนัก ก็เลยได้แต่เที่ยวบนพื้นราบกันค่ะ)


เราเริ่มต้นไปวัดต้นเกว๋นกันเป็นวัดแรกค่ะ ระหว่างทางเห็นร้านกาแฟร้านนี้ก็เลยแวะไปชิมกันซักหน่อยก่อนค่ะ





วัดต้นเกว๋นเป็นวัดเก่าแก่อายุมากกว่าร้อยปี เป็นวัดที่มีผังวัดแบบดั้งเดิมของล้านนา ตั้งอยู่อำเภอหางดงค่ะ

~~~~~~~~~~~~~~~~~

หลังจากนั้นเราขับรถเข้าเมืองเชียงใหม่ ซึ่งตอนนั้นก็ 11 โมงกว่าแล้ว ก็เลยพากันไปหาอาหารกลางวันทานกันก่อนค่ะ

ดิฉันเสนอให้ไปทานแถวๆ อนุสาวรีย์สามกษัตริย์เพราะอยากไปลองทานขนมวงกับไอศครีมมะพร้าวอ่อนค่ะ (วันแรกเราก็ขับรถผ่านถนนเส้นนั้นกันแล้ว แต่ตอนนั้นไม่ใช่เวลาอาหาร ก็เลยไม่ได้แวะกันน่ะค่ะ)

เราหาที่จอดรถข้างถนนใกล้ๆ กับแนวร้านอาหารแล้วเดินไปเลือกร้านซึ่งมีอยู่หลายร้านเลยค่ะ 

หลังจากที่เดินไปเดินมาแล้วเราก็ลองทานข้าวมันเกียรติโอชาตามคำแนะนำของ guide book ค่ะ ขอออกความเห็นส่วนตัวซักนิดนะคะว่าเราไม่ประทับใจรสชาติของข้าวและไก่เท่าไรนักค่ะ และบรรยากาศของร้านก็ไม่ค่อยเอื้ออำนวยในการเพลิดเพลินกับการทานอาหารเลยค่ะ เค้าส่งเสียงดังโวกเวกโวยวายกันมากๆ เลยล่ะค่ะ...ดังมากจนเราคิดว่าน่าจะเกินความจำเป็นค่ะ

เมื่อทานอาหารกลางวันกันแล้วก็ต้องตามด้วยไอศครีมมะพร้าวอ่อนร้านใกล้ๆ กันที่ guide book บอกว่าขึ้นชื่อลือชามาก...พอลองชิมแล้ว...เราไม่ปลื้มกันนะคะ เหมือนเอาน้ำมะพร้าวอ่อนไปแช่แข็งให้เป็นเกล็ดน้ำแข็งน่ะค่ะ

แล้วดิฉันยังผิดหวังกับขนมวงที่ตั้งใจจะทานอีกด้วยล่ะค่ะ ขนมวงที่ guide book บอกว่าเป็นแป้งทอดโรยน้ำตาลไหม้นั้นกลับเป็นขนมโดนัทคล้ายๆ โดนัทนมสดชิ้นใหญ่กว่าเหรียญสิบบาทเล็กน้อยที่มีขายทั่วไปในกรุงเทพฯ น่ะค่ะ T.T

~~~~~~~~~~~~~~~

ช่วงบ่ายเราตระเวนชมวัดภายในเมืองเชียงใหม่กันค่ะ



เราเริ่มจากวัดที่อยู่ในระแวกอนุสาวรีย์สามกษัตริย์ โดยเริ่มจากวัดดวงดีค่ะ วัดนี้เป็นวัดเล็กๆ ที่มีชื่อเป็นสิริมงคลค่ะ




เราเดินออกจากวัดดวงดีแล้วก็มาเจอวัดอุโมงค์มหาเถรจันทร์ค่ะ วัดนี้มีพระพุทธรูปเยอะเชียวค่ะ เราประทับใจพระพุทธรูปที่ชาวบ้านเรียกว่า "พระยิ้ม" ซึ่งอยู่ในวิหารเล็กที่ปิดประตูนี้ค่ะ 

เราต้องไปแจ้งพระที่กุฏิวัดว่าอยากเข้าชมด้านในวิหารเล็ก แล้วจะมีพระรูปหนึ่งมาเปิดประตูและพาเราเข้าชมด้านใน พระท่านจะแสดงให้เห็น (ด้วยการเปิด-ปิดดวงไฟตำแหน่งต่างๆ ในวิหาร) ว่าพระยิ้มสามารถแปรเปลี่ยนหน้าได้ถึง 9 แบบ พร้อมทั้งสอนเราไปด้วยค่ะ (เป็นกุศลโลบายที่ดีในการสอนให้เรารู้จักปล่อยว่างแล้วจึงพ้นทุกข์น่ะค่ะ)

~~~~~~~~~~~~~~~~~

จากนั้นเราขับรถไปวัดพระสิงห์วรมหาวิหารค่ะ วัดนี้เป็นวัดเก่าแก่อายุราว 700 กว่าปีแล้ว เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธสิหิงค์ พระพุทธรูปศิลปะเชียงแสนคู่บ้านคู่เมืองเชียงใหม่่ค่ะ แต่เราไม่ได้ลงไปไหว้พระที่วัดนี้นะคะ เพราะเราหาที่จอดรถไม่ได้เลยล่ะค่ะ วัดนี้เป็นวัดที่มีคนมาไหว้พระเยอะมากๆ ค่ะ

~~~~~~~~~~~~~~~~~

จุดหมายต่อไปของเราเป็นวัดเชียงมั่นค่ะ วัดนี้เป็นที่เก่าแก่ที่สุดในตัวเมืองเชียงใหม่และเป็นพระอารามหลวงแห่งแรกในเขตกำแพงเมืองเชียงใหม่ด้วยค่ะ



เจดีย์นี้อยู่หลังวิหารใหญ่ค่ะ เจดีย์มีลักษณะเป็นเจดีย์สี่เหลี่ยมแบบล้านนาผสมทรงกลมฐานช้างล้อมค่ะ
(ลักษณะฐานแบบนี้เป็นที่นิยมในอาณาจักรสุโขทัยด้วยเช่นกันนะคะ)



ต้นไม้ออกดอกสีส้มสวยงามแปลกตาต้นนี้อยู่ด้านหลังวัด อยู่ไม่ห่างจากเจดีย์นักค่ะ ดิฉันได้ยินเค้าว่าเป็นต้นสาระน่ะค่ะ แต่ก็ไม่ทราบว่าใช่หรือเปล่านะคะ ดิฉันไปด้อมๆ มองๆ หาป้ายชื่อต้นไม้อยู่สักพักก็หาไม่เจอค่ะ

~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~




และก็ถึงเวลาจิบชายามบ่ายอีกแล้วค่ะ วันนี้ดิฉันขอเสนอให้ไปลองชิมชาที่ร้านเวียงจูมออนค่ะ

ร้านนี้หาไม่ยาก อยู่ไม่ไกลจากวัดเกตการามที่เราไปกันแล้วค่ะ เป็นตึกสีชมพูบนถนนเลียบแม่น้ำปิงและมีส่วนที่นั่งให้ชมวิวสวยริมแม่น้ำด้วยนะคะ 

"จูมออน" เป็นภาษาพื้นเมือง แปลว่าสีชมพูค่ะ....มิน่าล่ะร้านนี้ถึงได้มีสีชมพูซะขนาดนั้น :-D

น้ำชาและขนมของร้านนี้ไม่ทำให้ดิฉันผิดหวังค่ะ ถูกอกถูกใจเอามากๆ จนดิฉันซื้อใบชาติดไม้ติดมือกลับมาถึง 6 อย่างเลยล่ะค่ะ แต่กว่าจะเลือกให้เหลือเท่านี้ได้ก็ใช้เวลานานมากเชียวค่ะ ชาของเค้ามีมากมายหลายแบบให้เลือก รักพี่เสียดายน้อง...เลือกยากค่ะ

~~~~~~~~~~~~~~

อีกร้านหนึ่งในระแวกนั้นที่ดิฉันอยากไปชมและชิมเป็นร้าน The old place no. 89 ค่ะ ร้านนี้เป็นร้านกาแฟ บรรยากาศน่าสบายในบ้านไม้หลังเก่า อยู่บริเวณเชิงสะพานจันทร์สมค่ะ แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้ร้านกำลังปิดปรับปรุงอยู่ เลยต้องอดใจเอาไว้ลองชิมกันคราวหน้าค่ะ

~~~~~~~~~~~~~~



จากนั้นเราก็เตร็ดเตร่เดินเข้าไปชมพิพิธภัณฑ์วัดเกตการามกันอีกรอบค่ะ

~~~~~~~~~~~~~~

แล้วเราก็ขับรถเล่น ชมเมืองเชียงใหม่เพื่อรอเวลาทานอาหารเย็นกันค่ะ เราแวะไปร้านหนังสือสุริวงศ์บุ๊คเซ็นเตอร์ด้วยล่ะค่ะ ร้านอยู่เยื้องกับโรงแรมอิมพิเรียลแม่ปิงค่ะ ดิฉันได้ยินกิตติศัพท์ร้านนี้มานานแล้วเลยต้องแวะไปชมหนังสือในร้านซะหน่อยค่ะ

ร้านนี้มีพื้นที่ใหญ่มากค่ะ มีหนังสือดีหลายเล่มและมากมายหลากหลายสมคำล่ำลือ โดยเฉพาะหนังสือที่เกี่ยวกับสังคม ศิลปะวัฒนธรรม และประวัติศาสตร์ของล้านนาค่ะ

~~~~~~~~~~~~~~


หลังจากที่เราปรึกษาหารือกันอยู่นาน เราก็เลือกทานอาหารเย็นที่ร้าน Good View ค่ะ ร้านอยู่บนถนนเลียบแม่น้ำปิง ไม่ไกลจากสะพานนวรัฐค่ะ อยู่ก่อนถึงร้านเวียงจูมออนเล็กน้อยน่ะค่ะ (เราขับรถข้ามสะพานนวรัฐกันหลายรอบมากเลยล่ะค่ะ)

วันนั้นมีเรื่องให้คนที่อยากนั่งจิบเบียร์เย็นๆ พร้อมชมวิวยามค่ำคืนริมแม่ปิงขัดเคืองใจนิดหน่อยด้วยล่ะค่ะ เพราะเราลืมไปว่าวันนั้นเป็นวันเข้าพรรษาซึ่งทางร้านจะไม่จำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ค่ะ!!!

~~~~~~~~~~~~~~~~~~~

เมื่อช่วงที่ยังเรียนมหาวิทยาลัยดิฉันก็เคยไปพักกับเพื่อนที่เรียนมช. อยู่เกือบเดือนนะคะ แต่คงเพราะความที่ยังเป็นเด็ก ยังไม่ค่อยสนใจวัดวาอาราม ศิลปะวัฒนธรรมมากนัก ดิฉันก็เลยไม่ทันได้สังเกตว่าที่เชียงใหม่มีวัดมากมาย และมีศิลปะวัฒนธรรมที่น่าสนใจมากเชียวค่ะ จากนี้ไปดิฉันต้องหาเวลาไปเดินเล่น ชมวัด และช้อปปิ้งที่เชียงใหม่ให้บ่อยซักหน่อยแล้วล่ะค่ะ \\(^.^)//


Let's go Chiang Mai!!!

ไม่มีความคิดเห็น :

แสดงความคิดเห็น