5.27.2559

Cherry Blossom Trip 2016 With Rilakkuma ตอนที่ 3 : เหินฟ้าสู่กรุงโตเกียวด้วย Airbus 380


นี่เป็นครั้งแรกเลยนะคะ...ที่ดิฉันได้นั่งเครื่องบิน Airbus 380
ฟังดูแล้วเชยมากๆๆ แน่เลย เพราะสายการบินการบินไทยมีเครื่องบิน 
Airbus 380 ให้บริการผู้โดยสารมาได้ราวๆ เกือบ 4 ปีแล้วล่ะค่ะ
ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะปกติดิฉันเดินทางด้วยเที่ยวบินตอนกลางคืนรึป่าว
เลยยังไม่ได้มีโอกาสได้นั่งเครื่องบิน Airbus 380 น่ะค่ะ
ส่วนการเดินทางครั้งนี้....ดิฉันใช้ไมล์สะสม รอยัล ออร์คิด พลัสแลกเป็นตั๋วเครื่องบิน
ไป-กลับประเทศญี่ปุ่น ซึ่งตอนโทรฯ ไปสำรองที่นั่งนั้น...ในช่วงเวลาที่ดิฉันต้องการเดินทาง
มีที่นั่งว่างที่สามารถแลกไมล์สะสมฯ ได้เป็นเที่ยวบินตอนเช้า (ออกเดินทาง 07.35 น.) เท่านั้นค่ะ

*ยังรู้สึกตะหงิดๆ อยู่นิดนึงนะคะว่าตั๋วเครื่องบินเต็มเร็วจริงหรือว่าตั๋วเครื่องบินที่แลกด้วยไมล์สะสมฯ
จะมีให้น้อยหรือมีให้เพียงเป็นบางเที่ยวบินเท่านั้น เพราะดิฉันโทรฯ ไปสำรองที่นั่งก่อนวันเดินทาง
ตั้งประมาณ 7-8 เดือน...น่าจะยังมีที่นั่งเหลือเยอะน่ะค่ะ

ตอนแรกที่รู้ว่าจะได้นั่งเครื่องบิน Airbus 380 ดิฉันก็ตื่นเต้นๆๆๆ....ดีอกดีใจนะคะ
แต่พอถึงวันเดินทาง...เดินลากกระเป๋าเดินทางไปที่เคาน์เตอร์เช็คอินเท่านั้นเอง
ความกะดี้กะด้าอยากขึ้นนกเหล็กยักษ์ก็ค่อยๆ มลายหายสูญเลยทีเดียว.....
เพราะดิฉันรีบออกจากบ้านและไปถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิตั้งแต่ตีสี่ครึ่ง
เพื่อรีบไปเช็คอินและเข้าไปช้อปปิ้งสินค้าดิวตี้ฟรี...แต่พอเดินไปถึงเคาน์เตอร์เช็คอิน
ก็ต้องตกใจกับจำนวนผู้โดยสารมากมายที่เข้าแถวยาวทบไป-ทบมาอยู่ถึงสามแถว
เพื่อรอเช็คอินอยู่ก่อนที่ดิฉันจะไปถึงซะอีก...กว่าดิฉันจะได้บอร์ดดิ้งพาส
ก็เกือบตีห้าครึ่งแล้วล่ะค่ะ

เมื่อได้บอร์ดดิ้งพาสมาแล้ว ดิฉันก็รีบกรอกใบตม. แล้วเดินไปที่ด่าน ตม. ทันทีค่ะ
ตอนนั้นดิฉันก็รีบๆ เดินตามป้าย...ตามผู้โดยสารคนอื่นเข้าไป...
รู้ตัวอีกทีก็ไปอยู่หน้าเครื่องตรวจพาสปอร์ตอัตโนมัติซะแล้วล่ะค่ะ
ดิฉันยังไม่เคยใช้เครื่องตรวจพาสปอร์ตอัตโนมัติเลยด้วย...แต่มีเจ้าหน้าที่ยืนอยู่
เพื่อให้ความช่วยเหลือ และดิฉันก็เสียเวลาอยู่ที่เครื่องนี้อีกครู่หนึ่งเพราะ
ลายนิ้วมือดิฉันบางมากและมักมีปัญหาติดขัดอยู่บ่อยๆ เมื่อต้องมีการสแกนลายนิ้วมือค่ะ
เจ้าหน้าที่ก็พยายามช่วยเต็มที่...แต่ยังงัยดิฉันก็สแกนลายนิ้วมือไม่ผ่านอยู่ดี
สุดท้ายดิฉันก็ต้องไปตรวจพาสปอร์ตแบบเดิมกับเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองค่ะ

กว่าดิฉันจะหลุดเข้ามาถึงร้านค้าดิวตี้ฟรีได้ก็เกือบหกโมงเช้าแล้ว
แล้วต้องไปขึ้นเครื่องบินที่ทางออกหมายเลข C7 ในเวลา 06.50 น. ค่ะ....เฮ้อออออ.......


จากที่คิดไว้ว่าจะได้เดินเลือกซื้อสินค้าดิวตี้ฟรีสบายๆ แล้วไปนั่งเล่นในห้องรับรองของ
สายการบินการบินไทยสักพักนึงก่อนขึ้นเครื่องบินก็เป็นอันต้องยกเลิกไปค่ะ

*แม้ว่าดิฉันจะซื้อบัตรโดยสารชั้นประหยัด...ดิฉันก็สามารถใช้บริการห้องรับรองของ
สายการบินการบินไทยได้เพราะสามารถใช้สิทธิของผู้ถือบัตรเครดิตประเภทแพลตทินั่ม
ของธนาคารกรุงไทยและธนาคารกสิกรไทยได้ (บัตรเครดิตของธนาคารอื่น
อีกหลายธนาคารก็ใช้ได้) น่ะค่ะ
ดูข้อมูลบัตรเคดิตที่ใช้ห้องรับรองในท่าอากาศยานได้ฟรี ที่นี่ ค่ะ


ดิฉันก็ได้แต่รีบตรงดิ่งไปที่เคาน์เตอร์เครื่องสำอางค์ยี่ห้อ origins แล้วรีบเลือกรีบซื้อ
ผลิตภัณฑ์ที่ต้องการ....โดยจะเน้นที่มีโปรโมชั่นแบบแพคคู่ราคาพิเศษ หรือขนาดใหญ่พิเศษ
ที่ไม่มีวางจำหน่ายตามเคาน์เตอร์ในห้างสรรพสินค้าซึ่งราคาก็จะถูกกว่านั่นเองค่ะ
จากนั้นก็ถามพนักงานขายว่าตอนนี้มีโปรโมชั่นลดแลกแจกแถมอะไรบ้าง...
ซึ่งพนักงานก็บอกๆ มาและคิดคำนวณให้เสร็จสรรพว่าควรใช้บัตรเครดิตอะไร
ต้องชำระสินค้าเท่านี้ๆ ก่อนแล้วจะได้คูปองเงินสดเท่านั้นเท่านี้บาทมา
แล้วนำไปชำระส่วนที่เหลือ...บลา...บลา...บลา....
เวลาซื้อสินค้าที่ร้านค้าดิวตี้ฟรี...ดิฉันมักให้พนักงานขายคิดคำนวณให้อย่างนี้เสมอๆ 
ซึ่งคาดว่าน่าจะเร็วและได้ส่วนลดมากกว่าที่ดิฉันคิดเองค่ะ

วันนั้นดิฉันใช้เวลาเพียงครึ่งชั่วโมงในการซื้อของและชำระเงินแล้วรีบเดินแบบเร็วๆ 
โดยไม่ได้หยุดชมสินค้าตามร้านรายทางเหมือนเคยเพื่อไปที่ทางออกหมายเลข C7 
ให้ทันเวลาขึ้นเครื่องบินค่ะ

พอเข้าไปในโถงนั่งรอขึ้นเครื่องบิน...ก็มีคนนั่งรออยู่แล้วมากมาย ดิฉันก็ไปยืนเตร่
อยู่แถวๆ ผนังกระจกเพราะอีกเดี๋ยวเดียวก็จะได้เวลาขึ้นเครื่องบินแล้วน่ะค่ะ

แต่ทีไหนได้...กว่าพนักงานจะประกาศให้ผู้โดยสารขึ้นเครื่องบินก็ตั้งเจ็ดโมงกว่าแล้วค่ะ
และกว่าจะต้อนผู้โดยสารราวๆ 500 ชีวิตขึ้นเครื่องบินได้หมดก็อีกหลายสิบนาทีเลยนะคะ

และแล้วเจ้านกเหล็กยักษ์ Airbus 380 ก็ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าในเวลาประมาณ 8 โมงเช้าค่ะ

หลังจากออกเดินทางได้ไม่นาน....ดิฉันก็เริ่มตาปรอยและหลับไปในเวลาอันรวดเร็ว
คาดว่าน่าจะหลับไปตั้งแต่เครื่องบินยังไม่ได้ออกจากน่านฟ้าประเทศไทยด้วยซ้ำมั้งค่ะ

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - 
Note: คำแนะนำผู้โดยสาร

ดูข้อมูลเพิ่มเติมที่ www.airportthai.co.th ค่ะ

ดูข้อมูลเพิ่มเติมที่ www.airportthai.co.th ค่ะ

ดูข้อมูลเพิ่มเติมที่ www.suvarnabhumiairport.com ค่ะ

ดูข้อมูลเพิ่มเติมที่ www.thaiairways.com ค่ะ

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - 

ดิฉันหลับไปสักพักใหญ่ก็ตื่นขึ้นมา...เพราะความหิวหรือนอนไม่สบายก็ไม่ทราบนะคะ
เพราะดิฉันเริ่มรู้สึกว่ามีช่องว่างระหว่างเก้าอี้นั่งผู้โดยสารกับหน้าต่างมากกว่าปกติค่ะ
น่าจะเป็นจุดประสงค์การออกแบบให้ด้านข้างของเครื่องบินโค้งออกมากหน่อย
เพื่อให้ผู้โดยสารมีพื้นที่มากขึ้นและนั่งสบายขึ้นมั้งคะ แต่ดิฉันเลือกนั่งติดหน้าต่าง
เพื่อมองวิวทิวทัศน์ด้านนอกและเอนสบกับผนังเครื่องบินตอนนอนน่ะค่ะ
เมื่อมีช่องว่างระหว่างเก้าอี้นั่งผู้โดยสารกับผนังเครื่องบินมากอย่างนี้
ดิฉันก็เลยนอนสบกับผนังเครื่องบินไม่ถนัด....นอนพักเอาแรงได้นิดเดียวเองค่ะ



หลังจากทานอาหารแล้วดิฉันก็ดูหนังบ้าง...หลับๆ ตื่นๆ บ้างตามเรื่อง...
จนใกล้ถึงจุดหมายปลายทางค่ะ




ดิฉันได้ที่นั่งแถวที่ 32...ได้ขึ้นเครื่องบินช้าแต่ได้ออกจากเครื่องบินเร็วค่ะ
บางคนออกจากเครื่องบินแล้วอาจจะรีบเดินไปผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองและไปรับกระเป๋า
แต่ดิฉันชอบเดินดูเครื่องบินในลานจอดอากาศยานและบรรยากาศด้านนอกไปด้วย...เพลินตาดีนะคะ



เสียดายที่ท้องฟ้าขมุกขมัว...ถ่ายภาพออกมาสีไม่ค่อยสวยเลยค่ะ

มัวแต่เดินชมวิว...จนเกือบจะเดินรั้งท้ายเค้าแล้วล่ะค่ะ

และก็ยังหยุดถ่ายรูปกับภาพสวยๆ แสดงการต้อนรับบนผนังระหว่างอีกค่ะ...ฮ่า...ฮ่า....

อ่าววว....คุมะยืนบังข้อความ "ยินดีต้อนรับ" ภาษาไทยนี่นา....
ถ่ายใหม่ค่ะ....ถ่ายใหม่.....

ดิฉันเดินเอ้อระเหยลอยชายไปเรื่อยๆ เพราะดูจากจำนวนผู้โดยสารที่เดินทางบนเครื่องบิน
ลำเดียวกันมาร่วม 500 ชีวิตอย่างนี้แล้ว...กว่าจะผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองกันได้
ก็น่าจะใช้เวลานานพอสมควรเลยทีเดียวล่ะค่ะ

และก็เป็นจริงดังคาด...กว่าดิฉันจะเดินไปถึงบริเวณด่านตรวจคนเข้าเมือง หางแถวรอคิวตรวจ
พาสปอร์ตก็ยาวมากแล้ว (ยาวจนดิฉันเดินเลยหางแถวไปด้วย เพราะไม่รู้ว่าหางแถวยาว
ขนาดนั้น ต้องเดินย้อนกลับมาอีกค่ะ)

*เมื่อปลายเดือนมีนาคม ดิฉันทราบจากเฟสบุ๊คของสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโตเกียว
ประเทศญี่ปุ่นว่าตั้งแต่ วันที่ 1 เมษายน 2559 จะมีการเปลี่ยนแปลงใบผ่านตม. เป็นแบบใหม่
...ซึ่งแบบฟอร์มใหม่จะไม่ต้องกรอกสัญชาติ เพศ และหมายเลขหนังสือเดินทาง 
และจะมีเพียงหน้าเดียวด้วยค่ะ


โดยในช่วงแรกยังใช้แบบฟอร์มเดิมควบคู่กันไปด้วย...ตอนที่ดิฉันไปก็ยังใช้แแบบฟอร์มเดิมอยู่ค่ะ

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - 

เวลาผ่านไปสักพักใหญ่...ซึ่งก็ไม่นานมากเมื่อเทียบกับจำนวนผู้โดยสารหลายร้อยคน
ดิฉันก็ผ่านขั้นตอนการตรวจคนเข้าเมืองและเดินมารับกระเป๋าเดินทาง
ที่เจ้าหน้าที่ท่าอากาศยานนาริตะยกลงมาวางเรียงกันไว้ให้บริเวณข้างๆ 
สายพานลำเลียงกระเป๋าแล้วล่ะค่ะ


สำหรับการเดินทางจากท่าอากาศยานนาริตะเข้าเมืองโตเกียว...ดิฉันใช้บริการ 
 Airport Limousine Bus ค่ะ เพราะกว่าจะผ่านพิธีการต่างๆ ออกมาถึงโถงผู้โดยสารขาเข้า
ก็เป็นเวลาประมาณ 16.30 น. แล้ว และคิดว่ากว่าจะเดินทางต่อจนถึงโรงแรมที่ Ikebukuro 
ก็ค่ำมืดแล้ว น่าจะได้เดินเล่นอยู่แถวๆ นั้น...ไม่ได้ไปไหนไกล ถ้าจะซื้อ JR Pass และ
เปิดใช้เลยเพื่อนั่งรถไฟ N'EX เข้าเมืองโตเกียวก็จะไม่คุ้มน่ะค่ะ

และตอนนั้น...JCB Card มีโปรโมชั่นร่วมกับ Airport Limousine Bus จากท่าอากาศยานนาริตะด้วยค่ะ


ผู้โดยสารที่ชำระค่าโดยสารด้วย JCB Card จะได้รับส่วนลด 20%...ค่าโดยสารจากท่าอากาศยานนาริตะ
ไปลงที่  Hotel Metropolitan Tokyo ราคา 3,100 เยน ก็เหลือ 2,480 เยน (ประมาณ 800 บาท) ค่ะ
นอกจากนี้ยังสามารถนำเซลล์สลิปที่ชำระด้วย  JCB Card อย่างต่ำ 50,000 เยน (รวม Tax)
ไปแลกเป็นบัตรโดยสารขากลับ....ไปท่าอากาศยานนาริตะได้ฟรีด้วยนะคะ
เห็นโปรฯ ต่อที่ 2 แล้วนี่...ดิฉันก็ยิ้มหวานเลยทีเดียว แต่ติดนิดนึงตรงที่ว่าจะต้องนำเซลล์สลิป
ไปแลกเป็นบัตรโดยสารที่ JCB Plaza Tokyo ซึ่งอยู่แถวๆ กินซ่า แล้วดิฉันยังไม่แน่ใจว่าจะผ่าน
ไปแถวนั้นหรือเปล่า...ถ้าตั้งใจไปเพื่อไปแลกบัตรโดยสาร Airport Limousine Bus กลับไป
ท่าอากาศยานนาริตะก็อาจจะไม่คุ้มน่ะค่ะ

ดูรายละเอียดเกี่ยวโปรโมชั่น JCB Card x Airport Limousine Bus -> ที่นี่ ค่ะ
และโปรโมชั่นของ JCB Card ทั้งหมด -> ที่นี่ ค่ะ

*JCB Card ของประเทศไทยมี 2 ธนาคาร คือ ธนาคารกรุงไทย และธนาคารกรุงศรีอยุธยา ค่ะ
ดิฉันถือ JCB Card ของธนาคารกรุงไทย เพราะฟรีค่าธรรมเนียมตลอดชีพ
และได้รับคะแนนสะสม 2 เท่าสำหรับยอดค่าใช้จ่ายที่ประเทศญี่ปุ่นน่ะค่ะ 

**สถานเอกอัครราชทูตฯ ขอเชิญชวนคนไทยที่อาศัยอยูในประเทศญี่ปุ่น และนักท่องเที่ยว
ที่เดินทางมาเที่ยวญี่ปุ่นลงทะเบียนคนไทยหรืออัพเดทข้อมูลของตนเอง ผ่านทางเว็บไซต์
สถานเอกอัครราชทูตฯ เพื่อประโยขน์ในการได้รับความช่วยเหลือในกรณีฉุกเฉินต่างๆ 
เช่น เจ็บป่วยหรือภัยพิบัติ ในระหว่างที่พักอยู่ในประเทศญี่ปุ่นค่ะ

ไม่มีความคิดเห็น :

แสดงความคิดเห็น