6.22.2553

ZaKKa: The Art of the Handmade

อ่านบล็อคนั้น ดูบล็อคนี้มาก็มาก ทั้งบล็อกภาษาไทยและภาษาอังกฤษ เห็นหลายๆ บล็อคใช้คำว่า ‘zakka’ กันเยอะเชียว ก็เดาๆ ว่าน่าจะเป็นศํพท์ภาษาญี่ปุ่นที่คงจะหมายความว่าของเล็กๆ น่ารักๆ เหมือนกับคำว่า ‘kawaii’

วันนี้พอจะมีเวลากับ internet มากหน่อยเลยลอง search หาความหมายที่แท้จริงของ zakka ดูซะที จาก wikipedia มีรายละเอียดดังนี้


Zakka (from the Japanese 'zak-ka'(雑貨)or 'many things') is a fashion and design phenomenon that has spread from Japan throughout Asia. The term refers to everything and anything that improves your home, life and appearance. It is often based on household items from the West that are regarded as kitsch in their countries of origin, but it can also be Japanese goods, mainly from the fifties, sixties, and seventies. In Japan there are also so-called Asian zakka stores; that usually refers to Southeast Asia. The interest in Nordic design or Scandinavian design, both contemporary and past, is also part of this zakka movement. Zakka can also be contemporary handicraft.

ความหมายไม่ค่อยใกล้เคียงกับ 'kawaii' ซักเท่าไรเลยนะคะ


6.21.2553

BLueBerRy CHeeSe PiE


จริงๆ แล้วดิฉันชอบทานพายกับมูสมากค่ะ แต่หลายเดือนมานี้ไม่ค่อยได้ทำขนมสองอย่างนี้เลย เพราะมัวแต่สนุกสนานกับการอบขนมเค้กและปั้นคุ้กกี้ จนเมื่อสัปดาห์ที่แล้วพี่สาวคนสวยโทรฯ มา บอกว่าหลานสาวตัวเล็กถามว่าเมื่อไหร่น้าจะมา...คิดถึง...อยากทานพายบลูเบอร์รี่.... อ้าว!!!! ได้ยินประโยคแรกก็หลงดีใจคิดว่าเราเป็นขวัญใจเด็กๆ ซะอีก ที่ไหนได้คิดถึงขนมมากกว่าน้าหรอกหรือนี่...เฮ้อ....

เมื่อคุณหลานขอมา...คุณน้าย่อมรีบจัดให้อยู่แล้วจ้า...


Blueberry Cheese Pie

ขนมง่ายๆ ซึ่งหลายคนที่ชอบทำเบเกอร์รี่ต้องเคยทำอยู่บ่อยๆ แล้วอย่างแน่นอน ดิฉันมักจะทำใส่ถ้วยแก้ว หรือแก้วน้ำใบเล็ก ทำออกมาแล้วเป็นขนม size mini น่ารักเชียว
สำหรับคราวนี้ดิฉันทำใส่ถาดฟลอยด์เพื่อความสะดวกในการนำไปเป็นของฝากค่ะ

อาจพูดได้ว่าส่วนผสมและวิธีทำ Blueberry Cheese Pie นี้ มีมากมายหลายสูตร หรือไม่มีสูตรตายตัว สามารถดัดแปลงได้ตามความถนัดของคนทำและความชอบของคนชิมค่ะ

ดิฉันจะยกตัวอย่างสูตรฐานพายของคุณเม จากหนังสือ May Made volume 3 : crunch book นะคะ


No-baked pie crust
ส่วนผสม
1. ไดเจสทีฟบิสกิต, คุกกี้ abc, บัตเตอร์คุกกี้,
ขนมปังบุหรี่, โอริโอ หรือแครกเกอร์อะไรก็ได้................. 2 ถ้วยตวง
2. เนยเค็มละลาย ................................................. 50 กรัม

วิธีทำ
1. ละลายเนยในเตาไมโครเวฟประมาณ 40 วินาที นำออกมาทิ้งให้เย็นตัวลงในอุณหภูมิห้อง
2. ใส่คุกกี้ลงในถุงพลาสติกมัดปากถุงให้แน่น หรือจะใช้ซิปล็อคก็ได้นะคะ
3. ใช้อุปกรณ์หนักๆ ตำให้ละเอียดเป็นผง เทใส่ชาม
4. เทเนยละลายลงไปทีละนิด ใช้ส้อมผสมสังเกตให้ลักษณะเหมือนทรายเปียกๆ ในบัตเตอร์คุกกี้อาจมีเนยมากกว่าพวกแครกเกอร์อยู่แล้ว เราสามารถลดเนยลงได้นิดหน่อยค่ะ
5. กรุลงในภาชนะที่ต้องการใช้ส้อมกดให้แน่นเสมอทั่วๆ กัน แช่ตู้เย็นไว้จนกว่าจะใช้

สูตรของฐานพายก็ง่ายๆ แค่นี้ล่ะค่ะ แต่ทำแล้วจะถูกปากคนชิมหรือเปล่าก็ต้องค่อยๆ ปรับกันไปนะคะ
ดิฉันเองก็ปรับสูตรไปมาจนได้สูตรประจำตัวที่คนชิมชอบทาน ตามนี้ค่ะ


ส่วนผสม
1. คุกกี้ abc ..................................... 100 กรัม
2. คุกกี้เนย ...................................... 100 กรัม
3. เนยเค็มละลาย .................................80 กรัม (บางครั้งดิฉันใช้เนยจืดแล้วเติมเกลือลงไปเล็กน้อยค่ะ)







วิธีทำ
1. ละลายเนยในเตาไมโครเวฟ
2. ใส่คุกกี้ลงในถุงซิปล็อค แล้วใช้ไม้นวดแป้งค่อยๆ บดคุกกี้ให้แหลก แต่ไม่ละเอียดมากนัก เวลาทานจะได้เคี้ยวกรุบๆ กรอบๆ อร่อยดีค่ะ เมื่อได้คุกกี้ที่ละเอียดตามต้องการแล้วเทใส่ถาด
3. ค่อยๆ ใส่เนยละลายลงผสมกับคุกกี้ คลุกเนยกับคุกกี้ให้เข้ากันจนทั่ว
4. กรุส่วนผสมลงในถาดฟลอยต์ให้แน่น แล้วนำไปอบที่อุณหภูมิ 160 °C ประมาณ 8-10 นาที หรือสังเกตเนื้อคุกกี้ให้แห้งลง

5. อบเสร็จแล้วพักไว้ให้เย็น ปิดฝาถาดและนำไปแช่ในตู้เย็น

Note : ถ้าทำใส่ถ้วยแก้วหรือแก้วน้ำ ดิฉันจะนำคุกกี้ไปอบก่อนแล้วนำมากรุลงในภาขนะให้แน่นแล้วนำไปแช่เย็นค่ะ

Cream Cheese
ครีมชีสก็มีหลายสูตรแล้วแต่คนทำอีกเช่นกันค่ะ บางคนใช้ชีสอย่างเดียว บางคนใช้ครีมอย่างเดียว สำหรับดิฉันจะใช้ทั้งสองอย่างผสมกัน และอยากเรียกขนมนี้ว่า Blueberry Cream Cheese Pie ค่ะ



สูตรครีมชีสของดิฉันจะมีปริมาณของวิปครีมมากเกือบเท่าปริมาณของชีส จะได้ทานกันได้เยอะหน่อย ไม่หนักท้องมากนัก


ส่วนผสม
1. ครีมชีส ............................... 250 กรัม
2. วิปครีม ................................ 180 กรัม
3. น้ำมะนาว ................................ 1 ช้อนโต๊ะ
4. นมข้นหวาน ............................. 6 ช้อนโต๊ะ
5. เจลาตินแผ่น ............................ 1 แผ่น
6. บลูเบอร์รี่กวน ปริมาณตามชอบ


วิธีทำ
1. แช่เจลาตินในน้ำเพื่อให้เจลาตินอ่อนตัว
2. หั่นคีมชีสเป็นชิ้นเล็ก นำไปใส่โถตีจนขึ้นฟูมีลักษณะเบา และใส่วิปครีมลงไปตีให้เข้ากัน

3. ใส่นมข้นหวานลงไปผสม ชิมรสตามชอบ
4. นำน้ำมะนาวใส่ถ้วยและนำไปอุ่นในไมโครเวฟ แล้วใส่เจลาตินที่นิ่มแล้วลงไปละลาย คนให้ความร้อนคลายลง จากนั้นนำไปผสมกับครีมชีส คนให้เข้ากัน ชิมรสอีกครั้งให้ออกรสหวานกลมกล่อม (ดิฉันมักจะเกร็งเสมอสำหรับขั้นตอนนี้ เพราะเป็นคนติดรสเปรี้ยว ต้องมีผู้ช่วยชิมค่ะ)

Note : เพื่อเพิ่มรสชาดและสีสันของครีมชีสอาจใส่เนื้อบลูเบอร์รี่หั่นละเอียดลงผสมด้วยก็ได้นะคะ

ขั้นตอนการประกอบขนม
1. นำฐานพายที่แช่เย็นเตรียมไว้ออกมา ตักครีมชีสหยอดลงบนฐานพายให้หนาพอประมาณ โดยเผื่อไว้ใส่บลูเบอร์รี่กวนด้วย

2. ปิดฝาถาด นำไปแช่ตู้เย็นจนกว่าจะเซ็ตตัว
3. ตักบลูเบอร์รี่หยอดลงบนครีมชีสที่เซ็ตตัวแล้ว ปริมาณตามชอบค่ะ



Note : ปริมาณส่วนผสมตามสูตรนี้จะได้ Blueberry Cheese Pie ถาดกลมเบอร์ 333 1 ถาด และถาดสี่เหลี่ยมเล็ก (ขนาด 8 x 5 x 3.5 โดยประมาณ) 3 ถาด



















Have fun!


6.17.2553

OReO CuP CaKE


Oreo Cupcake
จากสูตรของคุณปุ๊กแห่งบล็อก dailydelicious อีกแล้ว ดิฉันทำขนมตามที่คุณปุ๊กทำหลายอย่างค่ะ (เฉพาะขนมที่ทำง่ายๆ นะคะ ดิฉันยังอ่อนประสบการณ์อยู่ค่ะ) ก็ของเค้าดีจริงๆ นี่คะ
คุณปุ๊กใช้พิมพ์ cupcake ขนาดปกติ ทำได้ 9 ชิ้น ส่วนดิฉันชอบทำ cupcake ขนาด mini เลยได้
18 ชิ้นค่ะ


ส่วนผสม
1. แป้งเค็ก ................................... 150 กรัม
2. ผงฟู ........................................ 1½ ช้อนชา
3. เกลือ ....................................... ⅛ ช้อนชา
4. เบกกิ้งโซดา .............................. ⅛ ช้อนชา
5. เนย ......................................... 115 กรัม
6. น้ำตาลทราย ............................... 100 กรัม
7. ไข่ ........................................... 2 ฟอง
8. whipping cream ........................ 25 กรัม
9. คุ้กกี้ oreo สับ ............................ 4 ชิ้น

วิธีทำ
1. เปิดเตาอบที่ 320 °F วางถ้วยกระดาษลงในพิมพ์คัพเค้ก 18 อัน


2. ร่อนแป้ง ผงฟู เกลือ และเบกกิ้งโซดา เข้าด้วยกันแล้วพักไว้
3. ตีเนยกับน้ำตาลจนฟูขาว ลดความเร็วเครื่องลง แล้วใส่ไข่ลงไปทีละฟอง ตีให้เข้ากัน


ใส่ครึ่งหนึ่งของแป้งลงไป แล้วตีให้เข้ากัน และตามด้วยครีม

4. ใส่แปังที่เหลือ และคุกกี้ oreo ที่สับไว้ ผสมให้เข้ากัน

5. ตักใส่ลงในพิมพ์ที่เตรียมไว้ประมาณ 2/3 ของพิมพ์ นำเข้าอบประมาณ 20 นาที หรือจนเมื่อใช้ไม้จิ้มลงไปแล้วไม่มีเศษเค้กติดออกมา นำออกมาพักไว้ให้เย็น


Note : ดิฉันใช้พิมพ์คัพเค้กเล็กกว่าสูตรของคุณปุ๊ก เลยต้องปรับอุณหภูมิ
และเวลาที่ใช้อบลงเล็กน้อยค่ะ










Oreo Cupcake ของคุณปุ๊ก หน้าตาน่ารับประมานมากๆ ค่ะ คุณปุ๊กตกแต่งคัพเค้กด้วย Oreo Frosting และ mini Oreo ด้วย ไปดูสูตรและคัพเค้กน่ารัก
น่ารับประทาน ของคุณปุ๊กที่นี่ค่ะ http://dailydeliciousthai.blogspot.com/2010/01/oreo-cupcake-black-and-white-its-my.html





ดิฉันไม่ได้ทำ Frosting ตกแต่งหน้าคัพเค้ก แต่หากปล่อยหน้าคัพเค้กไว้เปล่าๆ ก็จะดูโล่งโจ่ง
ไปซักหน่อย ว่าแล้วก็ใช้งาน stamp ทำ cupcake topper ตกแต่งหน้าคัพเค้กแทนแล้วกันค่ะ

6.16.2553

LoVE NoTe





ในที่สุดก็หา stamp รูปหัวใจน่ารักๆ มาไว้ในครอบครองได้แล้ว stamp ชุดนี้ถูกใจมากๆ ค่ะ

ได้มาแล้วก็ไม่ช้า รีบแกะออกมาใช้ทันที แล้วก็ได้ love note ดังใจปรารถนาค่ะ










วัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ - หาง่ายไม่ยุ่งยากเลย
1. กระดาษสีขาว ความหนา 180 แกรม
2. stamp รูปหัวใจ และข้อความซึ้งๆ
3. ปากกาหมึกเจลสีดำ






วิธีทำ - ง่ายแสนง่ายเหมือนเคยค่ะ
1. ตัดกระดาษสีขาวหนา 180 แกรม เป็นสี่เหลียมจัตุรัสขนาด 6x6 ซม.
2. ตัดมุมกระดาษทั้งสี่มุมออก เพื่อความเรียบร้อยสวยงาม
3. ปั๊มลายหัวใจ โดยกะระยะให้ค่อนไปทางด้านบน และปั๊มข้อความซึ้งๆ ที่ชอบบริเวณขอบกระดาษด้านล่าง จากนั้นบรรจงเขียนกรอบกระดาษให้รอบด้วยปากกาหมึกเจล

Note : สำหรับคนที่ไม่มีความถนัดด้านวาดรูปอย่างดิฉัน เวลาเขียนกรอบรอบกระดาษต้องใจเย็นๆ ลากเส้นช้าๆ นะคะ จะได้เส้นที่ค่อนข้างตรง สวยงาม แต่อย่าจรดปลายปากกาแช่ไว้นานนัก เดี๋ยวหมึกจะซึมลงกระดาษ เลอะเทอะ ไม่สวยค่ะ

















Note : หลังจากได้ love note ตามต้องการแล้ว ก็ได้ไอเดียเพิ่ม ดิฉัน stamp รูปหัวใจ ระบายสีบางๆ และตัดออกมาเป็นรูปหัวใจ จากนั้นจะเอาไปทำอะไรต่อไป...ติดตามดูกันนะคะ


6.03.2553

MiNi BroWNiEs CuPCaKE





Mini Brownies Cupcake: Chocolate-chocolate
in one bite!











จากสูตรของคุณปุ๊ก แม่ครัวคนเก่งแห่ง dailydelicious

ดิฉันติดตามบล็อคของคุณปุ๊กมาหลายเดือนแล้ว ฝีมือการทำขนมของเธอเป็นเลิศจริงๆ ทำอะไรออกมาช่างสวยงาม น่าอร่อยไปเสียทุกอย่าง

สำหรับ mini brownie cupcake สูตรนี้ดิฉันทำบ่อยค่ะ ทำง่ายมากๆ แถมอร่อยอีกต่างหาก แต่ไม่เคยโชว์ผลงานในบล็อคนี้เลย

เมื่อวานพี่ที่ทำงานลองชิม chocolate cookies แล้วชอบใจใหญ่ เธอบอกว่าคุกกี้คราวนี้ทานง่ายดี
ชิ้นเล็กๆ พอดีคำ หยิบใส่ปากทั้งชิ้นได้เลย ดิฉันนึกถึง mini brownie cupcake ขึ้นมาทันทีว่าน่าจะถูกใจเธอเช่นกัน

ตอนเย็นมัวแต่เปลี่ยนดินในกระถางให้ต้นไม้ และจัดแต่งอีกนิดๆ หน่อยๆ กว่าจะเริ่มลงมือทำขนมก็เย็นย่ำค่ำมืดแล้ว เลยไม่ได้ถ่ายรูปขั้นตอนการทำไว้ค่ะ แต่ไปดูสูตรและวิธีทำฉบับต้นตำรับจากบล็อคของ
คุณปุ๊คเลยได้นะคะ
http://dailydeliciousthai.blogspot.com/2009/07/mini-brownies-cupcake-chocolate.html

ดิฉันทำ mini brownie cupcake ออกมาได้ 10 ชิ้น แต่คุณปุ๊กทำได้ 8 ชิ้น สงสัยว่าขนาดถ้วยอาจจะไม่เท่ากันมั๊งคะ














ขอบคุณคุณปุ๊กมากนะคะที่แบ่งปันสูตรขนมอร่อยๆ ให้เพื่อนๆ ได้ฝึกฝีมือกัน

----------------------------------------------------------------------------------------

เมื่อวันก่อนเพิ่งเข้าไปเยี่ยมบล็อคของคุณปุ๊ค (หลังจากที่ไม่ได้เข้าไปเป็นแรมเดือน) ดิฉันเพิ่งทราบว่าตอนนี้ฟาร์มไก่ของคุณปุ๊กและผองเพื่อนมีโครงการพิเศษค่ะ เป็นโครงการประกวด Chicken Farm very special project: Queen of the Afternoon tea (or coffee if you like !) รายละเอียดที่นี่ค่ะ
http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=dailydelicious&month=04-2010&date=29&group=15&gblog=1

น่าสนใจมากๆ เลย รายชื่อผู้เข้าประกวดยาวเหยียดราวๆ 60 ท่าน งานนี้ของรางวัลน่ารัก น่าอยากได้เพียบ แต่มือใหม่หัดอบขนมอย่างดิฉันไม่กล้าแหยมค่ะ วันพรุ่งนี้เป็นวันเปิดโหวตแล้วนะคะ จะมีการเปิดโหวดในวันที่ 4- 6 มิถุนายน ค่ะ เชิญติดตามกันนะคะ




6.01.2553

WoRLd MiLk DaY



วันดื่มนมโลก - World Milk Day : วันที่ 1 มิถุนายน ของทุกปี

เช้านี้ ระหว่างที่กำลังขับรถมาทำงาน ดิฉันได้ยินผู้ประกาศข่าวทางวิทยุบอกว่าวันนี้เป็นวันดื่มนมโลก เอ...เค้ามีวันแบบนี้กันด้วยหรือนี่???

จากนั้น ดิฉันได้ข้อมูลจากอินเทอร์เน็ตว่าองค์การอาหารแห่งสหประชาชาติได้กำหนดวันดื่มนมโลก
เป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน ค.ศ. 2001 ค่ะ (อินเทอร์เน็ตนี่ดีจริงๆ เลยว่ามั๊ยคะ อะไรๆ ก็หาเจอในอินเทอร์เน็ต)


องค์การอาหารแห่งสหประชาชาติ หรือ The Food and Agriculture Organization หรือ FAO กำหนดให้วันที่ 1 มิถุนายน ของทุกปี เป็น "วันดื่มนมโลก" (World Milk Day) เพื่อให้ประเทศต่างๆ และองค์กรที่ให้ความสำคัญและสนับสนุนการบริโภคนม ได้ร่วมกันจัดกิจกรรมรณรงค์และกระตุ้นให้เห็นความสำคัญของการบริโภคนม ด้วยการให้ความรู้และคุณประโยชน์ของนมให้แก่ประชาชน โดย ปัจจุบันมีมากกว่า 35 ประเทศทั่วโลก ที่ได้มีการจัดกิจกรรมวันดื่มนมโลก

"นม" เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพแท้จริง มูลนิธิโรคกระดูกพรุนนานาชาติ (International Osteoporosis Foundation หรือ IOF) ระบุว่านมและผลิตภัณฑ์จากนมอื่นๆ เป็นอาหารพร้อมบริโภคที่หาได้ง่าย จัดอยู่ในกลุ่มอาหารที่มีแร่ธาตุแคลเซียมสูงที่สุด ซึ่งมีความสำคัญอย่างมากในการเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรง โดยเป็นแคลเซียมที่ร่างกายสามารถดูดซึมไปใช้ได้ดีที่สุดและยังเป็นแหล่งรวมสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย เพราะให้ทั้งโปรตีนและเกลือแร่ที่สำคัญ เช่น ฟอสฟอรัส คาร์โบไฮเดรต ไขมัน และวิตามิน นมช่วยเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรง การสร้างความแข็งแรงให้กับกระดูกตั้งแต่อายุยังน้อยๆ จะช่วยป้องกันไม่ให้กระดูกแตกหักได้ง่ายเมื่ออายุมากขึ้น

ธาตุอาหารใน "นม" ทั้งโปรแตสเซียม แมกนีเซียม และแคลเซียม ล้วนมีส่วนช่วยไม่ให้ความดันโลหิตสูงเกินกว่าปกติ เพื่อสุขภาพฟันที่ดี โดยปกติเนื้อฟันมีสารเคลือบที่ถือเป็นส่วนที่แข็งแรงที่สุดในร่างกาย
ซึ่งประกอบด้วยแคลเซียม ฟันจึงต้องการแคลเซียมเพื่อช่วยเสริมสร้างให้ฟันแข็งแรงมีสุขภาพดี นมอุดมด้วยแคลเซียมและแร่ธาตุอื่นๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อฟัน มีโปรตีนที่ช่วยให้ฟันเติบโตและซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ และช่วยเคลือบผิวฟันอีกด้วย ช่วยคุมน้ำหนัก หลายๆ คนหลีกเลี่ยงไม่ดื่มนมเพราะเชื่อว่านมทำให้อ้วน แต่จริงแล้วไม่ว่าจะเป็นนมสด นมพร่องไขมัน หรือนมไม่มีไขมัน มีปริมาณไขมันแค่เพียง 3.9%, 1.7%, และ 0.3% เท่านั้น


นอกจากนี้ "นม" ยังเป็นเครื่องดื่มที่มอบความสดชื่นไม่แตกต่างจากน้ำดื่ม การดื่มนมเพียงหนึ่งหรือสองแก้วจะช่วยทำให้รู้สึกสดชื่นและยังทำให้ได้รับคุณค่าสารอาหารที่ร่างกายต้องการอีกด้วย นม 1 กล่อง เท่ากับทุกคุณค่าของสารอาหารที่ร่างกายต้องการ แคลเซียม สร้างความแข็งแรงให้กับกระดูกและฟันวิตามินบี 12 ช่วยสร้างเม็ดเลือดแดงคาร์โบไฮเดรต ให้พลังงานกับร่างกายแมกนีเซียม สร้างความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อฟอสฟอรัส สร้างพลังงานให้กับเซลล์ในร่างกาย และทำให้กระดูกแข็งแรงโปรแตสเซียม ช่วยรักษาระดับความดันเลือดให้เป็นปกติ โปรตีนสร้างเสริมการเจริญเติบโต และซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ วิตามินบี 2 ทำให้ผิวหนังมีสุขภาพดี ช่วยระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย

ข้อมูลจาก หนังสือพิมพ์เดลินิวส์

ข้อมูลเพิ่มเติม : http://www.worldmilkday.com/