หลังจากที่ IPhone 4 ผู้ซื่อสัตย์ได้ทำงานอย่างขยันขันแข็งให้ดิฉันมาร่วม 4 ปีแล้ว
ตอนนี้ก็ออกอาการชรา...ทำงานเชื่องช้าและแฮ๊งค์อยู่เรื่อยๆ ซะแล้วล่ะค่ะ
คนที่เปลี่ยนโทรศัพท์มือถือบ่อยๆ มาอ่านเจอว่าดิฉันใช้ IPhone 4 นานถึง
4 ปีอย่างนี้...อาจจะงงๆ เล็กน้อยว่า...ทำไมดิฉันใช้ IPhone 4 นานจัง.....
ดิฉันไม่ใช่คนประหยัดมัธยัสถ์อะไรมากนักหรอกนะคะ มีของที่อยากซื้ออยากได้
มากมาย และมีสถานที่ท่องเที่ยวที่อยากไปเยี่ยมชมอีกหลายแห่งเลยทีเดียว
เพราะฉะนั้นอะไรที่ยังใช้ได้อยู่ ดิฉันก็จะใช้ๆ ไปก่อนจนกว่าจะพังคามือน่ะค่ะ
และสาเหตุที่สำคัญอีกประการหนึ่ง...ก็คือ ดิฉันไล่ตามเทคโนโลยีไม่ไหวนั่นเอง...
ทั้งสมาร์ทโฟนเอย...กล้องเอย...นาฬิกาเอย...และอื่นๆ อีกมากมายเอย...
เดี๋ยวๆ ก็มีรุ่นใหม่ๆ ออกมาล่อตาล่อใจตลอดเลย...ถ้าดิฉันไม่รู้จักยับยั้งชั่งใจไว้บ้าง
ป่านนี้ดิฉันคงจะกลายเป็นเจ้าหญิงเงินผ่อน...เป็นหนี้บัตรเครดิตหัวโตไปแล้วล่ะค่ะ
จะว่าไปแล้ว... IPhone ของดิฉันเครื่องนี้ก็เริ่มประมวลผลช้าและแฮ๊งค์บ่อย
มาหลายเดือนแล้ว...ดิฉันคิดว่าอาจจะเป็นเพราะดิฉันถ่ายรูปและเก็บรูปภาพ
ไว้ในเครื่องมากเกินไป....ตอนนี้ก็มีรูปภาพในเครื่องอยู่ประมาณ 7,8xx รูปค่ะ!!
พอนึกๆ ขึ้นได้...ดิฉันก็จะทะยอยลบภาพที่ไม่ใช้แล้วออกจากเครื่องไปบ้างค่ะ
แล้ววันนี้ดิฉันก็เจอภาพที่ถ่ายไว้ตั้งแต่เมื่อต้นเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว
ตอนที่ไปร่วมวิ่งในงาน Hello Kitty Run Singapore 2014 น่ะค่ะ
ดิฉันถ่ายภาพห้องพักที่โรงแรม V Hotel Lavender ไว้...อยากจะเอามาให้ดูกัน
แต่มัวเอ้อระเหยไม่ได้โพสต์ซะทีเลย...วันนี้ต้องทำตามที่ตั้งใจไว้ให้ได้ค่ะ
โรงแรม V Hotel Lavender เป็นโรงแรมใหม่ในสิงคโปร์...ที่ช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมานี้
คนไทยนิยมไปพักกันเยอะและนำมารีวิวพร้อมภาพประกอบสวยๆ ในเว็บไซต์
www.pantip.com และ www.singporefanclub.com ค่ะ
ดิฉันหาข้อมูลและวางแผนว่าจะไปพักที่ V Hotel Lavender ตั้งแต่เมื่อเดือนกันยายน
พ.ศ. 2556 แต่มีเหตุจำเป็นบางประการที่ไม่ได้ไปสิงคโปร์...แต่ก็ปักหมุดไว้แล้วว่า
ถ้าไปสิงคโปร์ครั้งหน้า...ดิฉันจะลองไปพักที่ V Hotel Lavender บ้างค่ะ
และแล้วดิฉันก็มีโอกาสได้ไปพักที่ V Hotel Lavender เป็นเวลา 3 คืน...
โดยจองห้องพักที่เว็บไซต์ของโรงแรมโดยตรง...เป็นห้องแบบ Standard room
เพราะราคาถูกที่สุด....คืนละ SGD$111 (ไม่รวมภาษีและค่าบริการ) ค่ะ
หลายคนที่เคยไปพักที่โรงแรมนี้แล้วน่าจะชอบที่เดินทางสะดวก...
พอขึ้นจากสถานีรถไฟฟ้าปุ๊บก็ถึงโรงแรมเลย ซึ่ง ณ จุดนี้ดิฉันก็ชอบมากๆ เช่นกัน
แต่ไม่ค่อยประทับใจเรื่องความสะอาดเลย...ก็ต้องมองผ่านๆ ไปถ้าจะพัก
โรงแรมที่ใกล้สถานีรถไฟฟ้าในราคาที่ไม่แพงมากนักน่ะค่ะ
แต่ที่ดิฉันไม่ประทับใจเลยก็คือ...ตำแหน่งห้องที่ดิฉันพักซึ่งอยู่ใกล้กับลิฟท์มากๆ
มีแค่ห้องเก็บเครื่องมือ-อุปกรณ์ทำความสะอาดของแม่บ้าน
กั้นไว้แค่ห้องเดียวเท่านั้นเองค่ะ!!!
เมื่อเช็คอินและได้คีย์การ์ดห้องพักแล้ว...ดิฉันก็ลากกระเป๋าเดินทางขึ้นไปชั้นที่ 10
เพื่อหาห้องพักหมายเลข 10-42 ซึ่งกว่าดิฉันจะหาห้องนี้เจอ...ดิฉันก็เดินผ่านไป-มา
ถึง 3 รอบ เพราะดิฉันไม่คาดคิดว่าตำแหน่งตรงนี้เค้าจะทำเป็นห้องพักด้วยน่ะค่ะ!!!
ดิฉันเดินไป-เดินมาหาห้องพักตัวเองให้ควั่ก...จนคิดว่าขึ้นมาผิดชั้น
ซะด้วยซ้ำนะคะ...และแล้วดิฉันก็มองเห็นป้ายหมายเลขห้องที่หน้าประตู
บานนี้!!!...โอ๊ะ...โอ๋...ดิฉันยืนมึนๆ งงๆ อยู่พักใหญ่แล้วก็ต้องทำใจ
ใช้คีย์การ์ดไขประตูเข้าไปในห้องพักค่ะ
ใจจริง...ดิฉันก็ไม่อยากพักห้องนี้เลยล่ะค่ะ แต่ก็ต้อง "ตกบันไดพลอยโจน"
จะกลับลงไปขอเปลี่ยนห้องก็ขี้เกียจจะคุย เพราะพนักงานต้อนรับของโรงแรม
ไม่ค่อยจะรับแขกเท่าไรเลย...แล้วถ้าเปลี่ยนเป็นห้องอื่นกะทันหันแบบนี้
ก็น่าจะราคาแพง และจะมีห้องให้เปลี่ยนหรือเปล่าก็ไม่รู้น่ะค่ะ
กว่าจะได้เข้าห้องพักก็เกือบเที่ยงคืน...อยากอาบน้ำเข้านอนมากๆ
ก็เลยไม่ได้เปิดผ้าม่านดูวิวด้านนอกเลย...เอาไว้วันรุ่งขึ้น
ค่อยตื่นมาเปิดผ้าม่านชมวิวทิวทัศน์ค่ะ
คืนแรกของการพักในห้องที่ดิฉันได้ยินเสียงคนเดินผ่านไป-มาเป็นระยะ
ผ่านไปอย่างเชื่องช้า...ดิฉันนอนกระสับกระส่าย ครึ่งหลับ-ครึ่งตื่นจนถึงเช้าเลยค่ะ
พอเปิดผ้าม่านดูวิวภายนอก...ดิฉันก็ต้องยืนมึนๆ งงๆ อีกแล้ว เมื่อเปิดไปเจอ
ผนังห้องทึบๆ แผงหนึ่ง (คาดว่าผนังห้องที่เห็นนั้นน่าจะเป็นผนังห้องเก็บ
เครื่องมือ-อุปกรณ์ทำความสะอาดของแม่บ้านที่อยู่ข้างๆ นั่นเองค่ะ)
ดิฉันยืนนิ่งๆ สอดส่ายสายตาไป-มาจนเห็นช่องว่างแคบๆ ระหว่างผนังตึก
และก็ได้เห็นวิวตามรูปนี้ล่ะค่ะ...ก็เลยปิดผ้าม่านไปเลยตลอดการพักที่
โรงแรมนี้ เพราะไม่รู้ว่าจะเปิดไปดูผนังห้องข้างๆ ทำไมน่ะค่ะ... u_u
ดิฉันก็อ่านรายละเอียดของห้องแบบ Standard room ในเว็บไซต์ของโรงแรม
แล้วว่า...Standard room is equipped with 1 queen mattress. Large bay windows
(however view is restricted) Room slightly smaller than superior.
ตามรายละเอียดนี้...ดิฉันก็คิดไม่ถึงว่าห้องพักจะอยู่ในตำแหน่งที่ติดกับลิฟท์มากๆ
ได้ยินเสียงคนเดินผ่านไป-มาเกือบตลอดเวลา ประตูห้องพักก็ดูไม่ค่อยจะแข็งแรง
ซักเท่าไรเลย...เปิดประตูเข้าห้องพักมานี่ก็เป็นเตียงนอนเลยซะด้วยนะคะ
แล้วที่มีรายละเอียดบอกไว้ว่า "Large bay windows (however view is restricted)"...นี่
ดิฉันก็ไม่คิดว่าวิวทิวทัศน์จะถูกจำกัดซะจน...เปิดผ้าม่านออกไปแล้วเจอผนังห้องทึบ
แผงหนึ่งอย่างนี้ อยากเห็นแสงภายนอกบ้างก็ต้องเอียงตัว-เอียงคอไปมอง
...มี Large bay windows ก็เหมือนไม่มีเลยล่ะค่ะ
เอาน่ะ...ไหนๆ ก็ไหนๆ...พยายามทำใจพักไปให้ครบ 3 คืน...แล้วกลับไปนอนที่บ้านค่ะ
ปรากฎว่า 2 คืนแรก...ดิฉันนอนไม่ค่อยหลับ มาหลับได้เอาคืนที่ 3 ซึ่งคาดว่า
ดิฉันคงจะหลับไปเพราะความเพลียจากการเดินช้อปปิ้งและจากที่ไปวิ่งตากฝน
ในงาน Hello Kitty Run Singapore 2014 จนต้องกลับมาทานยาแก้แพ้ดักไว้ก่อนน่ะค่ะ
โดยรวมๆ แล้ว...ดิฉันก็คิดว่าโรงแรม V Hotel Lavender ก็เป็นโรงแรมที่น่าไปพัก
พอสมควร อยู่ในทำเลที่ดี เดินทางสะดวกสบาย หาของทานได้ง่ายมากๆ...
ถ้าไม่อยากพักห้องแบบ Standard room เหมือนที่ดิฉันไปพักมา...ก็เลือกพักห้อง
Superior หรือ Twin ที่ราคาก็แพงขึ้นอีกซัก SGD$10 (ไม่รวมภาษีและค่าบริการ)
โดยประมาณ...เออ!! มาคิดๆ ดูแล้วก็แพงกว่ากันแค่ประมาณคืนละ 300 บาท
เท่านั้นเอง...แล้วทำไมตอนนั้นดิฉันไม่เลือกพัก Superior Room นะ?!?!?
อาจเป็นเพราะ...ดิฉันไม่รู้ว่า Standard room อยู่ในตำแหน่งที่ทำให้ดิฉัน
นอนไม่ค่อยหลับ...คอยหวาดระแวงเสียงฝีเท้าของคนที่อยู่ด้านนอกมั้งคะ
ถ้ารู้ก่อนล่วงหน้า...ดิฉันยอมจ่ายมากขึ้นอีก SGD$10 โดยไม่ลังเลเลยล่ะค่ะ
ดูข้อมูลของโรงแรม V Hotel Lavender Singapore ที่ Dr.K และ uncledeng
ไม่มีความคิดเห็น :
แสดงความคิดเห็น