น้องที่ทำงานผู้ชอบทาน Banoffee Pie มาเลียบๆ เคียงๆ ถามดิฉันหลายครั้งหลายหนแล้วล่ะค่ะว่า "พี่ทำ banoffee pie เป็นมั๊ย", "banoffee pie ทำยากมั๊ย", "พี่ทำ banoffee pie ให้กินบางซิ" และท้ายที่สุดเมื่อดิฉันไม่ทำ Banoffe Pie ให้ทานซะที คุณเธอก็เลยถามดิฉันว่า "พี่มีสูตรทำ banoffee pie มั๊ย", ฮ่า...ฮ่า....
ดิฉันก็ว่าจะหยิบตำราขนมของคุณเมย์มาให้เธอหลายครั้งแล้วแต่ก็ลืมทุกทีเลยค่ะ ถ้าใครเคยทำ Blueberry cheese pie หรือ Strawberry cheese pie แล้วล่ะก็ดิฉันคิดว่าน่าจะทำ Banoffee pie ได้ด้วยเช่นกันค่ะ
หลายคนสงสัยแล้วล่ะซิว่าแล้วทำไมดิฉันไม่เคยทำซะทีล่ะค่ะ ไม่มีอะไรมากหรอกค่ะ...ก็เพราะดิฉันไม่ชอบทานกล้วยหอมน่ะซิค่ะ แต่ถ้าเป็นขนมเค้กกล้วยหอมล่ะก็ทานได้ค่ะ...หุ...หุ...^.^
ขั้นตอนการทำ Banoffee pie ก็คล้ายๆ กับ Blueberry cheese pie หรือ Strawberry cheese pie นั่นล่ะค่ะ จะต่างกันก็ตรงที่มีขั้นตอนการทำคาราเมลด้วยเท่านั้นค่ะ ซึ่งขั้นตอนการทำคาราเมลที่ว่านี้ล่ะค่ะที่เป็นตัวสะกัดดาวรุ่ง ทำให้บางคนทำ Banoffee pie ไม่สำเร็จค่ะ
เจ้าน้องคนที่รบเร้าให้ดิฉันทำ Banoffee pie ให้ทานนี่ล่ะค่ะที่มีปัญหากับการทำคาราเมลเพราะคุณเธอกลัวจะทำน้ำตาลไหม้ตอนทำคาราเมลน่ะค่ะ
พอดิฉันเห็นสูตร Banoffee pie สูตรนี้เข้าก็รีบส่งต่อให้เธอทันทีค่ะ และก็เอามาโพสต์ให้อ่านกันด้วยเพราะสูตรนี้เค้ามีวิธีการทำคาราเมลแบบง่ายๆ ไม่เหมือนใครและดูน่าทานเชียวล่ะค่ะ
~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~
"Meet Banoffe "Danger" Pie. Ban for banana + offee for toffee = Banoffe pie. If you are like me, you've never heard the term 'banoffee', no less tasted it. Non Americans are roling their eyes now as its nothing new but humor my astonishment - how has this dessert not won us Yankees over?
Why "danger"? Glad you asked. Danger is this pies middle name not only because is it tasty and calorically sinful but its also incredibly easy to make! A dangerous combination. If you are on a diet, avert your eyes."
Why "danger"? Glad you asked. Danger is this pies middle name not only because is it tasty and calorically sinful but its also incredibly easy to make! A dangerous combination. If you are on a diet, avert your eyes."
~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~
ดิฉันอ่านวิธีทำแล้วแปลเป็นภาษาไทยคร่าวๆ ตามนี้ค่ะ
ส่วนผสม
- กล้วยหอม 3 ผล
- นมข้นหวาน 1 กระป๋อง
- วิปปิ้งครีม 2 ถ้วยตวง
- บิสกิตหรือขนมปังกรอบ 1 ถุง
- เนยสด 1/2 ก้อน
- วานิลลา 1 ช้อนชา
- ช็อคโกแลตแท่งเล็ก 1 แท่ง
วิธีทำ
1. ลอกกระดาษหุ้มกระป๋องนมออก แล้วนำกระป๋องนมไปใส่ในหม้อและใส่น้ำให้ท่วมกระป๋องนม
2. ปิดฝาหม้อแล้วนำไปตั้งไฟให้เดือดเป็นเวลา 2 ชั่วโมงครึ่ง โดยดูให้น้ำท่วมกระป๋องนมตลอดเวลา
3. เมื่อครบกำหนดเวลาแล้ว ยกหม้อลงจากเตาและปล่อยให้กระป๋องนมเย็นลง
**** เพียงเท่านี้เราก็ได้ toffee กันแล้วค่ะ...ง่ายมั่ก..มาก... \\(^.^)//
จากนั้นก็เป็นขั้นตอนการทำฐานพายค่ะ
1. บดบิสกิตหรือขนมปังกรอบให้ละเอียด (จะละเอียดมากหรือละเอียดน้อยก็แล้วแต่ความชอบนะคะ)
2. ละลายเนยสดในไมโครเวฟแล้วเทผสมกับขนมปังกรอบที่บดเตรียมไว้แล้ว
3. ผสมส่วนผสมฐานพายให้มีลักษณะเหมือนทรายเปียก
4. กรุส่วนผสมฐานพายลงในถาด แล้วนำไปอบที่อุณหภูมิ 350 องศาฟาเรนไฮด์ เป็นเวลา 10 นาที แล้วนำออกมาพึ่งให้เย็น
ขั้นตอนการทำวิปครีม
1. นำวิปครีมแช่เย็นมาตีผสมกับวานิลลาด้วยความเร็วสูงจนตั้งยอด แล้วพักไว้
ขั้นตอนการประกอบขนม
2. เปิดกระป๋องนม...ซึ่งตอนนี้กลายเป็นกระป๋อง toffee ไปซะแล้วค่ะ woww....ตื่นเต้น...ตื่นเต้น....
3. ใช้มีดคนให้ toffee เข้ากันจนมีลักษณะเนียน แล้วเทลงบนกล้วยหอม
4. ตักวิปครีมปาดลงไปบนส่วนผสมทั้งหมด จะปาดให้มีลักษณะเนียน หรือเป็นคลื่นๆ ตามรูปก็แล้วแต่จินตนาการกันเลยนะคะ
5. ขูดช็อคโกแล็ตให้เป็นชิ้นเล็กๆ, ผง, ฝอย ฯลฯ ลงบนชั้นวิปครีมตามชอบหรือจะไม่ตกแต่งด้วยช็อคโกแลตเลยก็ได้ค่ะ
6. นำ Banoffee pie ไปแช่เย็นอย่างน้อย 1 ชั่วโมง
~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~
อืมมม... Banoffee pie สูตรนี้น่าลองทำมากเลยค่ะ ส่วนผสมก็ไม่มากไม่มายนัก ขั้นตอนการทำก็ไม่ยุ่งยาก แถมวิธีการทำส่วนผสม toffee ก็น่าสนใจและแสนง่ายอีกต่างหากนะคะ ดิฉันต้องลองทำดูซะหน่อยแล้วล่ะค่ะ อยากรู้จังเลยว่าเมื่อเปิดฝากระป๋องนมแล้วจะได้ Toffee น่าตาน่าทานอย่างเค้าหรือเปล่าหนอ.... :-D
คาดว่าดิฉันคงจะได้โพสต์ Banoffee pie ฝีมือของดิฉันให้ได้ดูกันเร็วๆ นี้ค่ะ =(^.^)=
Cheers, Enjoy baking!!!
ไม่มีความคิดเห็น :
แสดงความคิดเห็น